ในช่วงที่ฝนตกหนัก พายุเข้า หรือในหน้าฝน ปัญหาที่หลายคนมักเจอเหมือนกันนั่นก็คือ “น้ำท่วมขัง” จากการระบายน้ำไม่ทัน ทำให้หลาย ๆ คนมีความกังวลในเรื่องของการขับรถลุยน้ำท่วมเป็นอย่างมาก เพราะมีความเสี่ยงทั้งต่อเครื่องยนต์ และโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ดังนั้น หากจำเป็นต้องขับรถลุยน้ำท่วม ต้องมีความระมัดระวังและเตรียมความพร้อมให้ดี ด้วย 8 วิธีขับรถลุยน้ำท่วมให้ปลอดภัย ดังนี้
8 วิธีขับรถลุยน้ำท่วมให้ปลอดภัย
1. สังเกตระดับน้ำ
หากเราขับรถยนต์เจอพื้นที่น้ำท่วม อันดับแรกที่ต้องทำคือ ให้ลดความเร็วลงทันทีและประเมินความลึกของระดับน้ำ โดยระดับที่ปลอดภัยไม่ควรเกิน 30 เซนติเมตร วัดง่าย ๆ จากฟุตบาทที่ปกติจะมีความสูงอยู่ประมาณ 20 เซนติเมตร ดังนั้นหากน้ำท่วมเลยระดับฟุตบาทหรือขอบประตูขึ้นมา แนะนำให้เลี่ยงเส้นทางนั้น เพราะน้ำอาจเข้าห้องโดยสาร ทำให้ระบบไฟชอร์ตและเครื่องยนต์อาจดับกลางทางได้
2. ชะลอความเร็ว ใช้เกียร์ต่ำ
ในขณะที่ขับรถลุยน้ำท่วม ควรลดความเร็วลง จะช่วยให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น และให้เปลี่ยนไปใช้เกียร์ต่ำ สำหรับรถธรรมดาคือการใช้เกียร์ 1 หรือ 2 เท่านั้น ส่วนรถเกียร์ออโต้คือการใช้เกียร์ L และหากมีรถขับสวนทางมาก็ให้ลดความเร็วลงอีก เพื่อลดแรงปะทะ
3. ปิดแอร์รถยนต์
หากเปิดแอร์เหมือนปกติ พัดลมแอร์จะพัดน้ำเข้าไปในเครื่อง ทำให้เครื่องยนต์มีโอกาสน็อกได้ ดังนั้นการปิดแอร์จะช่วยลดระดับน้ำที่กระจายเข้าห้องเครื่องได้
4. ขับรถตามรถคันใหญ่ที่ล้อยกสูงกว่า
หากเป็นไปได้ให้พยายามขับรถตามหลังรถคันใหญ่ที่มีล้อยกสูง เพราะจะช่วยพัดกระแสน้ำออกจากห้องเครื่องและช่วยให้เส้นทางมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
5. รักษาระยะให้มากขึ้น
การขับรถยนต์ในช่วงฝนตกหรือในพื้นที่ที่มีน้ำท่วม มีโอกาสทำให้ถนนลื่นมากกว่าปกติ ประกอบกับหากขับลุยรถน้ำท่วม ประสิทธิภาพของผ้าเบรกจะลดลง ทำให้เบรกไม่ค่อยอยู่ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยจึงต้องมีการรักษาระยะเบรกให้มากขึ้น
6. ถ้ารถดับ อย่าพึ่งสตาร์ตรถใหม่
ขณะที่กำลังขับรถลุยน้ำท่วมแล้วรถยนต์เกิดดับกลางทาง อย่าพึ่งสตาร์ตรถใหม่เด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้น้ำไหลเข้าเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้าได้ง่าย เกิดความเสียหายตามมามากขึ้น แนะนำให้เข็นหรือใช้รถลากให้พ้นจากระดับน้ำสูงไปก่อน
7. เหยียบเบรกหรือคลัตช์ย้ำ ๆ
เมื่อผ่านจุดน้ำท่วมออกมาแล้ว รถเกียร์ออโต้ควรย้ำเบรกไปด้วยอีกสักพักหนึ่ง เพื่อไล่น้ำออกจากระบบเบรก ช่วยเพิ่มความเสถียรในการเบรกมากยิ่งขึ้น ส่วนรถเกียร์ธรรมดาควรย้ำคลัตช์เพื่อป้องกันคลัตช์ลื่น
8. ไม่ควรดับเครื่องยนต์ทันที
หลังจากขับรถลุยน้ำท่วมมาถึงจุดหมายได้แล้ว ไม่ควรดับเครื่องยนต์ทันที เพราะอาจจะยังมีน้ำค้างอยู่ในท่อไอเสีย ไหลย้อนกลับเข้าไปในเครื่องยนต์ได้ ควรจะจอดรถทิ้งไว้สักครู่ เพื่อให้น้ำระเหยออกมาให้หมดก่อน
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ก็เป็นวิธีช่วยให้ขับรถลุยน้ำท่วมได้อย่างปลอดภัย แต่ถ้าหลังจากลุยน้ำท่วมแล้วพบอาการผิดปกติของรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้า ระบบเบรก หรือเครื่องยนต์ ให้รีบนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็กสภาพเครื่องทันที
ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจว่า ประกันรถยนต์ที่ตัวเองทำไว้ที่ระบุว่าคุ้มครองน้ำท่วม เช่น ประกันชั้น 1 และชั้น 2+ (บางแผน) จะคุ้มครองการขับรถฝ่าน้ำท่วม แต่ความจริงแล้ว นิยามความคุ้มครองข้อนี้โดยสากล หมายถึง กรณีน้ำท่วมฉับพลัน หรือภัยธรรมชาติ เช่น ขับรถอยู่ท่ามกลางฝนตกหนักแล้วน้ำก็ค่อย ๆ สูงขึ้นจนท่วมรถ, จอดรถไว้หน้าบ้านแล้วฝนตกหนักจนน้ำท่วมรถเสียหาย, เกิดอุบัติเหตุขับรถตกน้ำ หรือจากสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันหรือน้ำป่าไหลหลากที่เกิดขึ้นที่ จ.เชียงราย ในช่วงที่ผ่านมา ใครที่ทำประกันรถยนต์ที่มีความคุ้มครองเรื่องน้ำท่วมไว้ก็สามารถยื่นเคลมได้ แต่ประกันรถยนต์จะไม่คุ้มครองกรณีเจ้าของรถตัดสินใจขับฝ่าเข้าไปในพื้นที่น้ำท่วมเอง
ทั้งนี้ การพิจารณาเลือกแผนประกันรถยนต์ที่เหมาะสมกับการใช้รถของตัวเองจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่ตอบโจทย์และคุ้มค่าที่สุด หากใครสนใจสามารถซื้อประกันรถยนต์ผ่านแอป ttb touch ได้สะดวกเพราะรวมประกันจากหลากหลายบริษัทชั้นนำมาให้เปรียบเทียบ อีกทั้งมีโปรโมชันน่าสนใจอยู่เรื่อย ๆ ถ้ามีแอปแล้วคลิกเข้าไปดูรายละเอียดผ่านมือถือได้เลย คลิกที่นี่
หรือดาวน์โหลดแอป คลิกที่นี่
หมายเหตุ :
- ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข ข้อยกเว้น และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง
- ในส่วนประกันรถยนต์ ttb broker เป็นนายหน้าประกันวินาศภัย ธนาคารเป็นเพียงช่องทางในการให้บริการผ่าน แอป ttb touch เท่านั้น
- ตรวจสอบรายชื่อบริษัทประกันภัยได้ที่ www.ttbbroker.com
ที่มา :
https://www.safetyinthai.com/17136176/6-วิธีขับรถลุยน้ำท่วม
https://www.valvolineglobal.com/th-th/drive-safely-rain-and-flooding/